จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางเริ่มที่คลี่คลาย ปริมาณน้ำในภาพรวมลดลงหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้จึงเข้าสู่ขั้นตอนการเยียวยาฟื้นฟู และบรรเทาผลกระทบแก่พี่น้องประชาชน โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ติดตามดูแลการแก้ไขสถานการณ์และรับฟังปัญหาจากพี่น้องในพื้นที่ รับทราบความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหา พร้อมกำชับให้ช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่และรวดเร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอน้ำลด ผ่านมาตรการต่าง ๆ ดังนี้
มาตรการช่วยเหลือประชาชนจากน้ำท่วม
1. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และจังหวัด
ได้ให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562
• ค่าจัดการศพผู้เสียชีวิต รายละไม่เกิน 29,700 บาท
• กรณีบาดเจ็บสาหัสฯ ให้จ่ายเบื้องต้นรายละ 4,000 บาท
• ค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำ เท่าที่จ่ายจริงหลังละ 49,500 บาท
• ด้านการเกษตร ช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยพิบัติที่พืชตาย หรือเสียหายตามจำนวนพื้นที่ทำการเกษตรจริงที่ได้รับความเสียหาย ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ โดยคิดจากต้นทุนการผลิตเฉลี่ย
โดยช่วยเหลือไปแล้วรวมทั้งสิ้น จำนวน 79,013,666.76 บาท
2. กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี
• ค่าจัดการศพ รายละ 50,000 บาท
• เงินทุนเลี้ยงชีพ แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ครอบครัวละ 30,000 บาท
• เงินทุนเลี้ยงชีพ แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่มีบุตรอายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์ อีกครอบครัวละ 50,000 บาท
• ค่าวัสดุในการก่อสร้างซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลัง ไม่เกินหลังละ 220,000 - 230,000 บาท เสียหายมาก ไม่เกินหลังละ 70,000 บาท และเสียหายน้อย ไม่เกินหลังละ 15,000 บาท
• ค่าเครื่องอุปโภค และเครื่องใช้อื่น ๆ ที่จำเป็นแก่ครอบครัวแก่ผู้ประสบภัยพิบัติเฉพาะบ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลัง และเสียหายมากครัวเรือนละ 5,000 บาท
• จัดทำถุงยังชีพ และมอบไปแล้ว 92,361 ถุง ใน 13 จังหวัด คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 64,652,700 บาท
3. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ (พม.)
• ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 151 ราย ๆ ละ 3,000 บาท เป็นเงิน 453,000 บาท ตามระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2547
4. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการยางแห่งประเทศไทย
• เงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรชาวสวนยาง กรณีสวนยางประสบภัย รายละไม่เกิน 3,000 บาท
5. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
• ให้ความช่วยเหลือประชาชนไปแล้ว จำนวน 180,957,628.94 บาท ซึ่งเป็นการช่วยเหลือประชาชน ในเบื้องต้นได้ทันที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า
กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน อาจใช้เงินสะสมของ อปท. เพื่อช่วยเหลือตามความจำเป็นและเหมาะสม
6. สำนักงบประมาณ
• ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ประกอบด้วย
o งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 92,400 ล้านบาท
o งบกลางรายการชดใช้เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จำนวน 2,000 ล้านบาท
กรณีหน่วยงานมีความจำเป็นต้องช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ สามารถขอรับการจัดสรรจาก 2 ส่วนนี้ได้
นอกจากนั้น หน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ยังระดมความช่วยเหลือสู่พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง เช่น
• กรมสรรพากร มีมาตรการการลดหย่อนภาษี
• กรมสรรพสามิต ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยการขยายเวลายื่นแบบภาษี
• กรมธนารักษ์ ยกเว้นค่าเช่าสำหรับผู้เช่าที่ราชพัสดุเป็นเวลา 1 ปี
• กรมชลประทาน เร่งผลักดันน้ำจากพื้นที่ลุ่มต่ำออกไปสู่แม่น้ำสายหลักโดยเร็ว
• กรมประชาสัมพันธ์ รายงานข้อมูล ข่าวสารด้านพยากรณ์อากาศ สถานการณ์น้ำในพื้นที่ ให้คำแนะนำ และสื่อสารช่องทางการติดต่อเพื่อขอรับความช่วยเหลือ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำข้อมูลและมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเสนอให้ ครม. พิจารณาโดยด่วน พร้อมระบุ สิ่งใดที่ทำได้ก่อน ขอให้ดำเนินการได้เลย โดยไม่ต้องรอน้ำลด ให้เร่งเข้าไปช่วยเหลือผู้ติดค้างอยู่ในบ้าน ผู้ป่วยติดเตียง พร้อมให้ใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีทุกประเภท ทั้งภาพถ่ายดาวเทียมสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยา เพื่อให้ประชาชนที่ประสบภัยในขณะนี้ สามารถดำเนินชีวิตได้ต่อไป